Sunday, August 4, 2013

Picture NewS www.leekunghellokitty.com



















ETUDE HOUSE ❤ Hello Kitty Mini Perfume

ETUDE HOUSE ❤ Hello Kitty Mini Perfume
สวัสดีค่า ^_^

วันนี้แวะมาเห่อ+รีวิวสั้นๆกับน้ำหอมจิ๋วที่เพิ่งได้มาจากเกาหลีค่ะ

น้ำหอมเซ็ตนี้เป็นของ ETUDE HOUSE พอดีเพื่อนของพี่สาวไปเกาหลี

เลยฝากซื้อไปเพราะแพ้ความน่ารักจากที่เห็นในเว็บค่ะ

(Credit ภาพประกอบจากเว็บของ ETUDE HOUSE)

DETAIL
❤ เป็น Eau De Toilette นะคะ ติดทนไม่นานเท่าไหร่ค่ะ
❤ ขนาด 7ml เพราะมาในขวดจิ๋ว จึงสามารถพกพาได้ง่ายค่ะ
❤ กล่องเป็นกระดาษเนื้อมันวาว สามารถดึงปีกให้โผล่ดึ๋งออกมาได้ด้วยค่ะ
❤ เนื้อวัสดุเป็นแก้วใสเนื้อหนา คาดว่าถ้าทำตกจากที่ไม่สูงมากก็ไม่แตกค่ะ (แต่ยังไม่คิดทดลอง)
❤ ตัวฝาเป็นวัสดุไม่แข็ง มีสีขาว คล้ายพลาสติกผสมยางค่ะ
❤ ราคาน่ารักมาก แค่ขวดละ 6,000 วอนเท่านั้นค่ะ (เราเลยสั่งมาครบเซ็ตโดยที่ยังไม่ได้เทสต์กลิ่นเลย)


น้ำหอมเซ็ตนี้มีทั้งหมดสามขวดค่ะ
สีชมพู 스윗 프레쉬 Sweet Fresh
กลิ่นจะหวานๆ แต่ไม่มากจนเลี่ยนค่ะ เพราะผสมกลิ่นแนว fruity นิดหน่อย กลิ่นเลยออกหวานแบบสดชื่นค่ะ เราคิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นที่ฮิตที่สุด เพราะค่อนข้างเป็นกลิ่นที่เบา ไม่หนักไปทางหวานจนเกินไป หรือเฟรชจนเกินไปค่ะ

สีเหลือง 큐티 트로피컬 Cutie Tropical
ตัวนี้กลิ่นจะออกแนว fruity ค่ะ เหมือนน้ำผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีขายตาม 7-11 แต่เรายังนึกไม่ออกว่าเหมือนยี่ห้ออะไร 555 หอมดีนะคะ กลิ่น citrus กับ passionfruit ผสมกันได้ลงตัวมากค่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นของผลไม้สองชนิดนี้อาจจะไม่ชอบเท่าไหร่ เพราะกลิ่นแรงเหมือนกัน แต่ส่วนตัวคิดว่าหอมดี แบบสดชื่นๆ ชวนให้อยากกินน้ำผลไม้ค่ะ (เกี่ยวมั้ย?)

สีเขียว 텐더 파우더 Tender Powder
ตัวนี้กลิ่นจะออกแป้งๆสมชื่อเลยค่ะ กลิ่นคล้ายกับ BVLGARI Petits et Mamans มาก แต่ของ  BVLGARI จะหอมกว่า (ของมันแน่ 555) ออกหวานๆ แป้งๆ กลิ่นค่อนข้างแรงนะคะ ใครไม่ชอบกลิ่นแป้งคงไม่ชอบเท่าไหร่ค่ะ แต่ก็เป็นกลิ่นที่เหมาะกับสาวๆที่ไม่ชอบกลิ่นที่โดดจนเกินไปค่ะ

เราคิดว่าทั้งสามขวด ไม่มีขวดไหนที่กลิ่นแรงจนทำให้คนรอบข้างรำคาญนะคะ (เป็นความเห็นของเราที่เป็นคนหนึ่งที่จมูกไว เพราะฉะนั้นจึงไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นฉุนค่ะ)

แต่ถึงยังไง เวลาพรมน้ำหอม สาวๆก็อย่าฉีดมากจนแถวบ้านเรียกว่า"อาบน้ำหอม"กันนะคะ เพราะแต่ละคนก็ต่างจิตใจกันไป บางคนก็ไม่ชอบกลิ่นที่เราชอบ หรือกลิ่นที่แรงเกินไปอาจทำให้เยื่อจมูกของบางคนระคาย อย่าลืมใส่ใจคนรอบข้างกันด้วยนะคะ


สุดท้าย ฝากรูปกล่องและของจริงให้ดูกันเพลินๆค่ะ (ขอโทษนะคะที่น้อย เรารีบถ่ายก่อนไปทำงานเมื่อเช้าค่ะ 55)




ร้าน Watsons ที่ไต้หวัน

ร้าน Watsons ที่ไต้หวันค่ะ
ไปครั้งแรก ตกใจเลย ทำไมของมันเยอะแบบนี้
โดยเฉพาะ พวกมาสก์หน้าทั้งหลายแหล่ เยอะจนตะลึงเลือกไม่ถูก

แอบถ่ายบรรยากาศในร้านมาให้ดูด้วยค่ะ Click

แต่ส้มไปสะดุดตากับเจ้า Hello Kitty Collection
ที่ทำขึ้นมาพิเศษสำหรับแบรนด์ MISSHA
ซึ่งจะมีขายเฉพาะที่ ไต้หวันที่เดียว !

โอ้โห...อะไรจะโชคดีและบังเอิญขนาดนั้น
นแบรนด์เครื่องสำอางค์เกาหลีที่ส้มชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
เลยอดไม่ได้ที่จะสอยมา


ซึ่ง Collection นี้จะมี รองพื้น 2 เบอร์, ไพร์เมอร์,
 แป้งอัดแข็งผสมรองพื้น 2 เบอร์,
แป้งฝุ่นผสมชิมเมอร์ 3 เบอร์ และ เมคอัพรีมูฟเวอร์ค่ะ


แต่ส้มก็ซื้อมาหลากหลายอย่างทีเดียว
ยกเว้นแต่รองพื้น ที่ไม่ได้ซื้อมา เพราะว่ามีเยอะอยู่แล้วก็เลยไม่เอามา
นอกนั้น ซื้อมาครบ ตามสีผิวตัวเองค่ะ


งั้นมาดูกันเลยดีกว่านะคะ เริ่มจากชิ้นแรกกันเลยละกัน

1. Hello Kitty x Missha The Style Art Designing Pore Silky Boomer
(ราคา $410 ไต้หวัน ประมาณ 451 บาท)
มาในหลอดสีชมพู  ขนาด 30 ml  

ลักษณะของ Primer

เป็นเนื้อไพร์เมอร์สีขาว เนื้อสัมผัสลื่นๆ รู้สึกได้ถึงเนื้อไหมที่ผสมอยู่
เกลี่ยง่ายดี แต่ความรู้สึกเมื่อทาบนผิว ก็เหมือนไพร์เมอร์ทั่วไปคือ
มันจะเคลือบอยู่บนผิว จะไม่ซึมลงผิว

จากรูปด้านล่าง สังเกตเห็นได้ชัดเลยค่ะว่า
ผิวบริเวณที่ทาไพร์เมอร์ลงไปนั้น ผิวจะดูเนียนเรียบ 
และช่วยอำพรางรูขุมขนให้เล็กลง ริ้วรอยก็ตื้นขึ้นเยอะเลย
ตัวนี้ลองแล้วชอบมากๆค่ะ  ใครที่มีรูขุมขนกว้างทาแล้วจะทำให้รูขุมขนเล็กลง
เวลาทาแป้งแล้วก็ติดทนดีค่ะ อาจจะไม่ติดทนทั้งวัน แต่ก็ถือว่าโอเคค่ะ

2. Hello Kitty x Missha The STyle Art Designing
Two-Way Cake 12 Hours
(ราคา $420 ไต้หวัน ประมาณ 462 บาท)

มาในตลับสีชมพู สีโทนเดียวกับหลอดไพร์เมอร์ข้างบน
ตลับกลมขนาดกะทัดรัด เล็กกว่าตลับแป้ง MAC นิดหน่อยค่ะ
ตลับนี้ปริมาณอยู่ที่ 10 กรัม ค่ะ

พอเปิดตลับออกมา ก็จะมีกระจกและพัฟฟ์ โดยแยกชั้นกับแป้งค่ะ
 ลักษณะของแป้ง

ส้มเลือกเบอร์ BS21 Natural Beige มา จะออกสีโทนเหลืองค่ะ

(และจะมีอีกเบอร์นึงคือ SB17 Bright Beige จะออกขาว เหมาะกับผิวขาวอมชมพู)
เนื้อแป้งละเอียดประมาณนึงค่ะ ถือว่าไม่ได้ละเอียดมากนัก
ออกจะร่วนๆนิดนึง  แต่เวลาทาแล้วช่วยปรับสีผิวให้สว่าง
 แต่ไม้ได้ขาวเกินสีผิวมากนัก

ข้อดีของแป้งรุ่นนี้คือ มีส่วนผสมของสารกันแดด SPF30  PA++ ด้วย
และอีกอย่างคือ ติดทนได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
อย่างทาไว้ตอนเช้า เย็นๆมาก็ยังเนียนอยู่
ซึ่งเป็นจุดดีของแป้งรุ่นนี้ที่ส่วนตัวส้มประทับใจค่ะ

3. Hello Kitty x Missha The Style Art Designing
Cashmere Loose Powder
(ราคา $465  ประมาณ 511 บาท)
 อันนี้จะเป็นแป้งฝุ่นเนื้อแคชเมียร์
ส้มเลือกซื้อสีเบอร์ No.3 Pink Pearl Beige มาค่ะ
เพราะว่าซื้อแป้งพัฟฟ์สี Natural Beige มาแล้วก็เลยเลือกสีที่แตกต่างออกไป

(อีก 2 สีคือ No. 1 Light Beige, No. 2 Natural Beige)

ลักษณะของแป้งฝุ่น

มาในตลับทรงกลมเป็นกระปุกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มากนัก
มีพัฟฟสีขาวขนนุ่ม แยกชั้นกับแป้ง อันนี้ก็เหมือนกระปุกแป้งฝุ่นทั่วไป

ขนาด 20 กรัมค่ะ

ส้มเลือกสีออกโทนชมพูและมีชิมเมอร์ผสมอยู่ด้วย
เอาไว้ทาหลังลงแป้งแล้ว ช่วยปรับให้หน้าดูสว่างขึ้น
ผิวจะดูโกลว์ ดูใสมากยิ่งขึ้น  มีส่วนผสมของสารกันแดด SPF15 ด้วย

แต่ที่ชอบที่สุดคือ ผงแป้งเนื้อละเอียด และ เบามาก
มีชิมเมอร์เล็กๆผสมอยู่ ทาแล้วช่วยปรับให้ผิวเนียนขึ้นด้วย
สามารถทาหลังทารองพื้นก็ได้ จะทำให้รู้สึกสบายผิว บางเบา
แต่จะไม่ปกปิดนะคะ 


 4. Hello Kitty x Missha The Style Lip and Eye Makeup Remover 
(ราคา $205 ไต้หวัน ประมาณ 225 บาท)

 มาในขวดพลาสติกสีใส เนื้อผลิตภัณฑ์
จะมีส่วนที่เป็นน้ำมัน (สีฟ้า) และน้ำ (สีใส) ผสมอยู่
ดังนั้น ก่อนใช้ จะต้องเขย่าเพื่อให้น้ำกับน้ำมันผสมกันเป็นเนื้อเดียวกันค่ะ
 ทดสอบการทำความสะอาด
 ส้มลองเอาอายไลเนอร์เนื้อครีม และ อายไลเนอร์สีดำ ที่ติดทนมากๆ
ทาลงบนหลังมือ จากนั้น นำ makeup remover นี้
หยดลงบนสำลีประมาณ 1-2 หยด
แล้วนำมาแปะลงบนหลังมือ
หลังจากที่แปะและกดเบาๆทิ้งเอาไว้ซักแป้บนึง
จากนั้นก็เช็ดออก สังเกตเลยว่า
อายไลเนอร์ทั้ง 2 สี หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
เป็นรอยอย่างที่เขียนเอาไว้หลังมือเลยค่ะ
คอนเฟิร์มว่าเช็ดดีมากๆ อ่อนโยนต่อผิวด้วย
มีกลิ่นหอมนิดหน่อยไม่เยอะค่ะ แต่เช็ดแล้วอาจจะรู้สึกมันๆเล็กน้อยค่ะ
แต่ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ส้มชอบมากเลย